วันเสาร์ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ศ ไทยถูเจ้าของรางวัลปาล์มทองคำหนังเมืองคานส์ฟ้องโลก:ประเทกปกครองโดยมาเฟียผู้กดขี่



http://thaienews.blogspot.com/2010/05/blog-post_779.html

ประเทศไทยเป็นประเทศที่ เต็มไปด้วยความรุนแรง และถูกปกครองโดยกลุ่มมาเฟีย..สิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน คือ “สงคราม ชนชั้น” ในประเทศไทย เรามีชนชั้นที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด ประชาชนได้ถูกกดขี่ข่มเหงตลอดมาไม่ทางด้านเศรษฐกิจก็ทางด้านสังคม-อภิ ชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล ผู้ชนะรางวัล “ปาล์มทองคำ”เทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์

ที่มา มติชนออนไลน์
24 พฤษภาคม 2553

เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเมือง คานส์ ประเทศฝรั่งเศส ได้ตัดสินให้ภาพยนตร์เรื่อง “ลุงบุญมีระลึกชาติ” ของ “อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล” สามารถคว้ารางวัล “ปาล์มทองคำ” ซึ่งเป็นรางวัลสูงสุดของเทศกาล มาครอบครองได้สำเร็จ

ทั้งนี้ “ลุงบุญมีระลึกชาติ” เป็นส่วนหนึ่งในผลงานศิลปะชุด “พริมิทีฟ” ของอภิชาติพงศ์ ที่มีแก่นเรื่องว่าด้วยความทรงจำของผู้คนในหมู่บ้านนาบัว ตำบลเรณูนคร อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม หลังจากที่เขาได้เดินทางเข้าไปยังหมู่บ้านดังกล่าว และได้พบกับชาวนาที่ใช้ชีวิตผ่านความรุนแรงและการกดขี่ในรูปแบบต่าง ๆ ในยุคสมัยที่รัฐไทยทำสงครามประชาชนกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย

“ลุงบุญมีระลึกชาติ” เล่าเรื่องราวของลุงบุญมีซึ่งเจ็บป่วยจากอาการไตล้มเหลว เขาตัดสินใจใช้เวลาในวันสุดท้ายของชีวิตกับบรรดาคนที่ตนเองรักในชนบทแห่ง หนึ่ง ผีภรรยาของเขาปรากฏกายขึ้นเพื่อมาดูแลพยาบาลสามี ลูกชายที่ห่างหายไปนานกลับมาบ้านอีกครั้งในร่างที่ไม่ใช่มนุษย์ การพินิจพิเคราะห์ใคร่ครวญถึงอาการป่วยของตนเอง ทำให้ลุงบุญมีตัดสินใจเดินทางเข้าไปในป่าพร้อมกับสมาชิกในครอบครัว พวกเขาเดินเท้าไปยังถ้ำลึกลับบนยอดเขา ซึ่งเป็นสถานที่เกิดในชาติภพแรกของลุงบุญมี

ทั้งนี้ ภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวถือเป็นหนังไทยเรื่องแรกที่สามารถคว้ารางวัลสูงสุด จากเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติซึ่งมีความสำคัญในระดับโลก

เมื่อหนังเข้าฉายในรอบสื่อมวล ชนที่คานส์ และมีนักข่าวสอบถามถึงสถานการณ์ความรุนแรงในประเทศไทย อภิชาติพงศ์แสดงความเห็นว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นสถานการณ์ความรุนแรงสาหัสที่สุดในประวัติศาสตร์ของ ประเทศ อย่างไรก็ตาม เขาคิดว่าเหตุการณ์ครั้งนี้จำเป็นจะต้องเกิดขึ้น อันเนื่องจากการมีช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนในประเทศไทย ทั้งนี้ เขายังกล่าวยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่า “ประเทศไทยเป็นประเทศที่เต็ม ไปด้วยความรุนแรง และถูกปกครองโดยกลุ่มมาเฟีย”

เมื่อ “อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล” สนทนากับสื่อต่างชาติเรื่อง “การเมืองไทย”

เว็บ ไซต์ “ฮอลลีวู้ดรีพอร์ทเตอร์” ได้ทำการสัมภาษณ์ “อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล” อย่างไรก็ตาม ด้วยสถานการณ์ทางการเมืองที่กำลังร้อนแรงในประเทศไทย (แต่เป็นช่วงเวลาก่อนหน้าเหตุการณ์จะเริ่มระอุคุกรุ่นขึ้นอย่างหนักหน่วง เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม เป็นต้นมา) เว็บไซต์ดังกล่าวจึงสนทนากับอภิชาติพงศ์ในเรื่องนี้ด้วย มติชนออนไลน์เห็นว่าเนื้อหาในส่วนนี้มีความน่าสนใจอย่างยิ่ง จึงได้แปลและเรียบเรียงมานำเสนอดังต่อไปนี้

(เมื่อหนังส่วนใหญ่ของ อภิชาติพงศ์มักเล่าเรื่องราวในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย ซึ่งเป็นสถานที่ที่เขาเติบโตขึ้นมา ฮอลลีวู้ดรีพอร์ทเตอร์จึงถามว่า) มีอะไรในเรื่องราวในภาพยนตร์ของคุณที่เชื่อมโยงกับเหตุการณ์ความขัดแย้งทาง การเมือง อันนำไปสู่การปะทะกันบนท้องถนน ซึ่งกำลังเกิดขึ้นที่กรุงเทพในปัจจุบัน?

อภิชาติพงศ์: ไม่มีสิ่งที่เชื่อมโยงอย่างตรงไปตรงมา สิ่งที่เกิดขึ้น ณ กรุงเทพฯ ในปัจจุบัน คือ “สงครามชนชั้น” ในประเทศไทย เรามีชนชั้นที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด ประชาชนได้ถูกกดขี่ข่มเหงตลอดมาไม่ทางด้านเศรษฐกิจก็ทางด้านสังคม สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้เหมือนกับเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในยุคทศวรรษ 1960 ที่ชาวนาได้ลุกขึ้นมาพยายามเปล่งเสียงของตนเองให้สังคมได้ยิน เพราะพวกเขาถูกละเลยทอดทิ้ง แล้วในที่สุดพวกเขาก็หันไปต่อสู้ด้วยการรับแนวคิดคอมมิวนิสต์มาจากลาวและ เวียดนาม

สิ่งที่เกิดขึ้นที่กรุงเทพฯตอนนี้ทำให้คุณตระหนก ตกใจหรือไม่?

ผมคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นส่วนหนึ่งของ วัฏจักรของสังคม แต่สิ่งที่น่าสนใจก็คือ ผมคิดว่านี่เป็นหนึ่งในเหตุการณ์การปะทะกันทางชนชั้นที่ใหญ่ที่สุด ซึ่งมีจุดศูนย์กลางอยู่ที่กลุ่มชนชั้นล่างผู้ยากจน ก่อนหน้านี้ การปะทะกันมักเกิดขึ้นจากความขัดแย้งระหว่างกองทัพกับชนชั้นกลาง แต่ปัจจุบัน คู่ขัดแย้งของกองทัพกลายเป็นคนยากจน

ในขณะเดียวกัน ก็มีสงครามรูปแบบอื่นๆ เกิดขึ้นมา เพราะปัจจุบัน ได้เกิดการสื่อสารผ่านระบบอินเตอร์เน็ต ดังนั้น กลยุทธการต่อสู้รูปแบบใหม่ ๆ จึงถูกนำมาใช้ สิ่งที่แตกต่างอย่างมากจากอดีตก็คือ คุณสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าสังคมไทยถูกก่อรูปขึ้นมาโดยสื่อสารมวลชน ได้อย่างไร และสื่อต่าง ๆ กลายเป็นเครื่องมือในการโฆษณาชวนเชื่อได้อย่างไร อย่างไรก็ตาม ก่อนที่อะไร ๆ จะไปไกลกว่านั้น ประชาชนก็เริ่มจะสังเกตว่าเว็บไซต์ที่เขาเข้าดูเป็นประจำได้ปลาสนาการไป

ผู้ ประท้วงเสื้อแดงที่ยากจนได้เแสวงหาผู้นำอย่างทักษิณ ชินวัตร บุรุษซึ่งมีฐานะร่ำรวยมหาศาล คุณคิดว่านี่เป็นเรื่องย้อนแย้งกันหรือไม่?

ผม คิดว่าทักษิณได้กลายสถานะเป็นผู้ช่วยเหลือหรือผู้ไถ่ชีวิตของคนเหล่านั้น พวกเขาสามารถมีตัวตนขึ้นได้เพราะทักษิณ และต้องพึ่งพาอาศัยทักษิณ ภายใต้การบริหารงานของรัฐบาลไทยรักไทย มีงบประมาณที่หลั่งไหลไปสู่หมู่บ้านต่าง ๆ ในชนบท งบประมาณเหล่านั้นจะโปร่งใสหรือไม่เป็นอีกประเด็นหนึ่งที่เราต้องคุยกัน แต่อย่างน้อยที่สุด คนยากจนก็มีโอกาสได้เห็นเงินและการพัฒนาในภูมิภาคของพวกเขา นี่คือเหตุผลว่าทำไมคนเสื้อแดงจึงสนับสนุนทักษิณ

คุณและ เพื่อน ๆ ศิลปิน ได้ต่อสู้ท้าทายเรื่องที่รัฐบาลไทยทำการควบคุมเสรีภาพของสื่อบ้างหรือไม่?

เรา ทำ เมื่อวันก่อน ผมเพิ่งไปที่กระทรวงวัฒนธรรม เพื่อประท้วงเกี่ยวกับการมอบงบประมาณสนับสนุนภาพยนตร์ที่ไม่โปร่งใส พวกเรามีความกระตือรือร้นเพิ่มมากขึ้น และผมคิดว่าเราสามารถก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม ผมยอมรับว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความอนุรักษ์นิยมเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้น จึงเป็นเรื่องยากมาก ๆ สำหรับการต่อสู้ของพวกเรา

รูปแบบใน การมอบงบประมาณสนับสนุนภาพยนตร์ของรัฐบาลไทยเป็นอย่างไรในปัจจุบัน?

ต้น ปีนี้ รัฐบาลได้ประกาศจะจัดสรรงบประมาณสนับสนุนการสร้างภาพยนตร์เป็นจำนวน 200 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม เงินจำนวนครึ่งหนึ่งของงบประมาณดังกล่าวกลับถูกนำไปใช้สนับสนุนภาพยนตร์อิง ประวัติศาสตร์เรื่องหนึ่ง มันค่อนข้างเป็นเรื่องยุ่งยากซับซ้อนที่จะอธิบาย แต่สำหรับผม การดำเนินการเช่นนี้เป็นสิ่งที่ไม่ค่อยถูกต้องนัก

ในการ แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนภายหลังได้รับรางวัลปาล์มทองคำ อภิชาติพงศ์ได้กล่าวถึงสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองไทยอีกครั้งหนึ่งว่า

“ประเทศไทยกำลังต้องการความ หวังในวิถีทางอื่น ๆ เนื่องจากทุกคนกำลังโศกเศร้าเสียใจอย่างหนักกับเหตุการณ์การเผชิญหน้า ระหว่างกลุ่มคนที่มีอุดมการณ์แตกต่างกัน ผมจึงหวังว่าข่าวคราวเกี่ยวกับรางวัลทางวัฒนธรรมที่ผมได้รับคงจะสามารถทำให้ อุณหภูมิร้อนแรงของสถานการณ์ดังกล่าวเย็นลงได้บ้างไม่มากก็น้อย”

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น